อิทธิฤทธิ์ กุมารทองพราย

อิทธิฤทธิ์ กุมารทองพราย

อิทธิฤทธิ์ กุมารทองพราย หากจะพูดถึงเรื่องความแรงเฮี้ยนแล้วคงต้องยกให้กุมารพราย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดงตน ในรูปแบบ เงา กลิ่น เสียง รูปร่าง เสียง หรือเข้าฝัน แต่ใช่ว่าเราจะเจอกันทุกคนการที่เราจะรับรู้ได้นั้นจิตจะต้องว่างไม่เครียด ไม่ได้คิดอะไรให้พุ้งซ่าน หมั่นทำบุญกุศล  หรือเป็นคนที่มีพรสวรรค์ มีสัมผัสที่ 6 มาตั้งแต่เกิด กลุ่มคนเหล่านี้มักจะพบเจอวิญญาณได้บ่อยครั้ง กุมารพราย การจัดสร้างปลุกเสกนั้นจะเป็นการใช้มวลสารวัตถุอาถรรพ์ต่างๆ เช่น ดิน 7 ป่า ช้า , ผงเถ้ากระดูกเด็กเสียชีวิต , ตะปูโลงศพ , ไม้ฝาโลง วัตถุที่สื่อถึงวิญญาณได้ง่าย นำมาขึ้นรูปเป็นกุมารทอง ในรูปแบบต่างๆ และเรียกอัญเชิญจิตวิญญาณผู้ที่เสียชีวิต เป็นเด็กที่เสียชีวิตก่อนเวลาอายุไขที่มีอยู่ เช่น จมน้ำ ป่วย รถชน พลัดตกจากที่สูง หรืออื่นๆและยังคงต้องวนเวียนอยู่บนโลกมนุษย์ ยังไปเกิดใหม่ไม่ได้เนื่องจากยังไม่หมดอายุไข ของตน พระอาจารย์ผู้มีวิชาอาคม จะเรียกอัญเชิญวิญญาณเหล่านี้ให้เข้ามารักษา ดูแล ในรูปของกุมารทอง ทำให้ผู้เลี้ยงบูชาสมปรารถนา เพื่อแลกกับบุญกุศลที่จะได้รับเป็นการแลกเปลื่ยนจากผู้เลี้ยงบูชานั้นเอง
กุมารทองพรายมีดังนี้
1. กุมารพรายคู่ แช่น้ำมันอาถรรพ์  ใครได้ไปเลี้ยงบูชาจะดีมากเสริมดวงชะตาผู้เลี้ยง ด้านความรัก การงาน ค้าขายดี ป้องกันภัยและให้โชคลาภแก่ผู้เลี้ยงกุมาร ลูกกรอกพรายคู่ แช่น้ำมันอาถรรพ์เรื่องความเฮี้ยนและเลี้ยงแล้วได้ผลดีกับผู้เลี้ยง นี่ต้องของบอกว่าเป็นกุมารยอดนิยมกันเลยก็ว่าได้ครับกุมารทองสร้างปลุกเสก
2. กุมารทอง 9 โกศ รวมพลังแรงพราย 27โกศ วัตถุอาถรรพณ์ยอดเฮี้ยน ต้นตำรับมนต์ขลังของเขมร) มาหล่อหลอมเป็นกุมารทองเก้าโกศรวมพลังพราย แรงจริงที่กล้าให้พิสูจน์ “รุ่นสุดท้าย ปลุกเสกทิ้งทวน” หลวงพ่อกอย วัดเขาดินใต้ ท่านได้จัดสร้างกุมารทองเก้าโกศรวมพลังพราย 27โกศ ขึ้นมาอีกครั้งซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายปลุกเสกทิ้งทวนเพื่อนำปัจจัยไปสร้างกุฏิสงฆ์
3. กุมารทองสายพราย กุมารทองของครูบาทองเป็นกุมารทองที่ผู้คนนิยมบูชามาก ราคาหาเช่าบูชาไม่สูงมากนัก มีความแรงขลังดี เด่นด้านเสริมดวง ค้าขาย โชคลาภ คุ้มครองภัย หรือบนบานเรื่องการงานให้ได้โชค ค้าขายดีขึ้น มีเงินเยอะขึ้นไม่ขัดสน และคุ้มครองผู้เลี้ยงให้ปลอดภัยจากสิ่งไม่ดีจากศาสตร์ที่มองไม่เห็น
4. กุมารทอง เสราะแบ็ยโนงมูย สร้างจากผงมหาเสน่ห์แนมุขยอมหาเสน่ห์ ผงพรายทั้งกลม คลุกผสมเลี่ยมด้วยน้ำมันพรายสะแนเปรียและว่านดอกทอง มหาเสน่ห์ เสกด้วยวิชาเสราะแบ็ยโนงมูยซึ่งเป็นวิชาเสน่ห์สายล่างของเขมรโบราณ
ก่อนใช้ปลุกด้วยคาถา
“ออมสะเนียง เสราะแบ็ยโนง มูย ปันเจาะเมีย สะฮอมติ๊ด”
ก่อนพกพาติดตัวให้ท่องด้วยคาถา จนขนลุกขนชัน จะให้ได้ผลไวไวตั้งเครื่องเซ่นซัก3 วัน ก่อนเซ่นเหล้าขาวกับของยำ

กุมารทองนั้นจำแนกออกเป็น 4 ประเภท คือ

1.กุมารทองเทพ
2.กุมารทองพราย
3.กุมารทอง กึ่งเทพ กึ่งพราย
4.กุมารมนต์

1.กุมารทองเทพ คือ การสร้างทุกๆอย่าง จะต้องประกอบด้วยของมงคลทั้งสิ้น ตั้งแต่มวลสาร พิธีเสก ต้องเป็นมงคล และเชิญองค์เทพให้มาสถิตย์ แต่กุมารเทพไม่ค่อยมีเกจิอาจารย์สร้างมากนัก เพราะบูชาแล้วเห็นผลช้า เพราะโดยส่วนมากเทพจะไม่ค่อยมายุ่งกับมนุษย์สักเท่าไหร่ และเสกยากจำเป็นต้องมีพระ ที่ค่อนข้างทรงศีล
2. กุมารทองพราย ใช้ของอาถรรพ์ล้วนๆ เช่น มวลสารต้องได้มาจากศพ กระดูก เป็นต้น พิธีเสก โบราณจะนิยมเสกในป่าช้า และเชิญดวงวิญญาณมาสถิตย์บ้าง สะกดไว้เพื่อนำมาใช้งานบ้าง กุมารพรายค่อนข้างจะแรง และไว้ต่อผู้บูชาและขอในสิ่งต่างๆ
3. กุมารทอง กึ่งเทพ กึ่งพราย ส่วนมากจะเรียกกัน ในทางพระพุทธศาสนา ไม่มีคำนี้จริงๆแล้ว ก็คือ กุมารเทพนั่นเอง แต่เป็นกุมารชั้นต่ำๆ คือชั้น ภูมเทวา หรือเทวดาชั้นภาคพื้น จำพวกเดียวกันกับภูมิเจ้าที่ นางตะเคียนหรือพวกกรุขเทวดา ที่สิงสถิตย์ในต้นไม้ ในวัดวาอาราม เฝ้าอยู่ตามซุ้มประตู หรือเรียกว่า ทวารบาล
มวลสารที่สร้างจึงจำต้องมีวัตถุอาถรรพ์ด้วย เพื่อเป็นสื่อในการเรียกดวงจิต เพราะวัตถุอาถรรพ์เหล่านี้เป็นสิ่งสถิตย์ของดวงวิญญาณ
พิธีปลุกเสก คือวิธีเดียวกันกับกุมารเทพ
4. กุมารมนต์ คือมวลสารที่อาจใช้วัตถุอาถรรพ์ หรือ วัตถุที่เป็นมงคลนำมาสร้าง จะใช้การบริกรรม เป็นส่วนมาก ด้วยอำนาจของจิตและด้วยความขลังของบทพระคาถา จึงทำให้วัตถุนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา กุมารชนิดนี้ ไม่มีการเชิญดวงจิต เพราะเป็นการเพ่งหรือบริกรรม จนวัตถุนั้นมี อิทธิฤทธิ์ กุมารทองพราย ขึ้นมาได้

ทั้งหมดที่เรานำมาเล่าสู่กันฟังนี้ เป็นเพียงตำนานหรือเรื่องเล่าที่เขาว่ากันมา ทางที่ดีไม่ควรพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ควรขยันทำมาหากินจะดีกว่า ปฏิบัติตนให้อยู่ในศีล และเป็นคนดีของสังคม เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว อย่าไปหวังพึ่ง สิ่งที่มองไม่เห็น เชื่อมั่นในตัวเอง อย่าให้ใครมาชักจูงเราได้
เล่นเกมสนุกๆหมุนกระจายที่

ติดตามเรื่องผีอื่น ๆ ได้ที่ ghostsilane , สนับสนุนโดย slotxo

อัพเดตวันที่ 11/11/2562

เล่าสู่กันฟัง